โปรแกรมจดโน๊ตหรือ Python NotePad

ผู้เขียนบนความ : นาย นันทวัฒน์ ยูนุ

1. ความเป็นมา

ในส่วนนี้เราจะให้รายชื่อโครงการ Python ซึ่งเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นนอกจากนี้เรายังให้ซอร์สโค้ดกับโปรเจ็กต์หลามน้อยหากคุณรู้พื้นฐานเป็นอย่างดีคุณสามารถข้ามไปยังส่วนขั้นกลางได้และบทความนี้เป็นการเขียนโปรแกรมจดโน๊ตโดยใช้ Tkinter ในการทำโปรแกรมและโปรแกรมจดโน๊ตเริ่มมีบทบาทความสำคัญกับมนุษย์เรามากขึ้นเพื่อเพิ่มความสดวกในการจัดเก็บบทความหรือข้อความต่างๆที่สำคัญเพื่อในการจัดเก็บไว้ในระยะเวลานานหรือจัดเก็บถาวรเพื่อการนั้นจึงควรสร้างโปรแกรมจดโน๊ตเพื่อให้การจัดเก็บข้อความมีความง่ายมากขึ้น

2. วัตถุประสงค์

เพื่อเป็นการศึกษาระบบภาษา python และการเขียนโปรแกรมจดบันทึกข้อมูลแบบดิจิทัลที่สามารถจัดเก็บได้

3. ขอบเขต

3.1 เป็นการพัฒนาโดยใช้โปรแกรมภาษาpython
3.2 ระบบสามารถบันทึกและเปิดไฟล์ในฐานข้อมูลได้
3.3 เป็นการเขียนโดยการใช้ Tkinter แบบ oop

4. ประโยชน์ที่สามารถได้รับ

คือการพัฒนาการเขียนโปรแกรมและการจดบันทึกโน๊ตผ่านโปรแกรมที่สร้างขึ้นด้วยภาษา
python และสามารถจัดเก็บข้อมูลลงเครื่องคอมพิวเตอร์ได้

5. ความรู้ที่เกี่ยวข้อง

การเขียนโปรแกรมจดโน๊ตโดยใช้ Tkinter และเป็นการเขีบนแบบ oop

5.1 Tkinter คืออะไร

Tkinter เป็นโมดูล อินเตอร์เฟซมาตรฐาน .Tk python Tk GUI Toolkit และ Tkinter สามารถใช้ได้มากที่สุดในแพลตฟอร์ม Unix เดียวกันสามารถนำไปใช้กับทั้งระบบ Windows และ Macintosh, Tk8.0 

การเขียนโปรแกรม Tkinter
Tkinter มาตรฐานห้องสมุด Python GUI ใช้ Tkinter สามารถสร้างโปรแกรม GUI การสร้างโปรแกรมแบบ GUI
1 โมดูลนำเข้า Tkinter
2 สร้างการควบคุม
3. กำหนดต้นแบบการควบคุมที่เป็นตัวควบคุมที่พวกเขาอยู่
4 บอกว่าจีเอ็ม (ผู้จัดการเรขาคณิต) มีการผลิตการควบคุม
โมดูล Tkinter
Tkinter ให้ความหลากหลายของการควบคุมเช่น ปุ่ม ป้ายและกล่องข้อความ , การใช้งานโปรแกรมประยุกต์แบบ GUI การควบคุมเหล่านี้มักจะเรียกว่าการควบคุมหรือส่วนประกอบ
Tkinter (พัฒนาบน Tcl/Tk)
จุดเด่น
 – ใช้งานกันแพร่หลาย
 – มาพร้อมกับ Python ทุกรุ่น (ในกรณีที่มีการรวมมากับ distro)
 – มีเอกสารเป็นมาตรฐานอยู่ใน python doc
 – ทำงานได้รวดเร็ว
 –  มี API ง่ายต่อการเรียนรู้ เหมาะกับโครงการขนาดเล็ก
จุดด้อย
 – หน้าตาแต่ละ platform ไม่เหมือนกัน
 – มีความยุ่งยากกับอินเทอร์เฟซที่ซับซ้อน
 – ไม่มี GUI builder มาในตัว

5.2 Class และ OOP คืออะไร

คลาสและออบเจ็ค คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับคลาส (Classes) และออบเจ็ค (Objects) ในภาษา Python เราจะแนะนำให้คุณรู้จักกับแนวคิดของการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (Object oriented programming หรือ OOP) เช่นเดียวกับภาษาอื่นๆ Python ถือเป็นหนึ่งในภาษาที่เป็น OOP โดยพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม แนวคิดการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุในภาษา Python นั้นอาจจะแตกต่างจากภาษาอื่นเล็กน้อย เช่น คุณสามารถสืบทอดจากหลายคลาสได้ในเวลาเดียวกัน และมันไม่มีคุณสมบัติการห่อหุ้มข้อมูลและไม่มี Interfaces เป็นต้น

ก่อนที่จะเริ่มต้น มาทำความเข้าใจกับคำศัพท์ที่จำเป็นต้องทราบสำหรับการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุในภาษา Python
– คลาส คือประเภทข้อมูลที่สร้างโดยผู้ใช้ โดยจะนำไปใช้สร้างออบเจ็ค กล่าวอีกนัยหนึ่ง คลาสคือประเภทข้อมูลของออบเจ็ค
– ออบเจ็ค คือสิ่งที่สร้างมาจากคลาสหรือ class instances
– แอตทริบิวต์ (instance attributes) คือข้อมูลที่เป็นสมาชิกของแต่ละออบเจ็ค โดยมักจะกำหนดไว้ในเมธอด __init__() ของคลาส
– เมธอด คือฟังก์ชันการทำงานที่กำหนดไว้ในคลาส
– คลาสแอตทริบิวต์ (class attributes) คือตัวแปรที่ประกาศไว้ในคลาส ซึ่งจะแชร์กับออบเจ็คทั้งหมดที่สร้างจากคลาสนั้นๆ

คลาส คืออะไร
คลาส คือสิ่งที่ใช้กำหนดรูปแบบของข้อมูล (Attributes) และเมธอด (Methods) การทำงานเข้าด้วยกัน การสร้างคลาส หมายถึงการสร้างประเภทของออบเจ็คขึ้นมา กล่าวอีกนัยหนึ่ง คลาสคือประเภทข้อมูลของออบเจ็คโดยคลาสนั้นสร้างขึ้นโดยผู้ใช้ (User-defined type) โดยปกติแล้ว ประเภทข้อมูลพื้นฐานในภาษา Python นั้นคือคลาส เมื่อคุณสร้างตัวแปรใดๆ ขึ้นมา ตัวแปรเหล่านั้นเป็นออบเจ็คของคลาส เพื่อทำให้คุณเข้าใจมากขึ้นมาดูตัวอย่างต่อไปนี้

a = 1
b = 1.34
c = 'marcuscode.com'

print(type(a))
print(type(b))
print(type(c))

ในตัวอย่าง เราได้ประกาศตัวแปรสามตัวคือ Integer Floating และ String ตามลำดับ ดังนั้นตัวแปรเหล่านี้ถือว่าเป็นออบเจ็คของคลาส ดังผลลัพธ์ข้างล่าง

<class 'int'>
<class 'float'>
<class 'str'>

เหมือนที่คุณเห็น เราใช้ฟังก์ชัน type() เพื่อดูประเภทข้อมูลของออบเจ็คใดๆ หรือใช้สำหรับดูประเภทของคลาสที่มันสร้างมาจาก จากตัวอย่างนั้น เราเรียกคลาส int float และ str ว่า build-in type สำหรับในบทนี้ เรากำลังจะพูดเกี่ยวกับการสร้างคลาสซึ่งเป็น User-defined type นั่นเอง

การสร้างคลาสและออบเจ็ค
คลาส จะประกอบไปด้วยสมาชิกสองประเภท คือ แอตทริบิวต์หรือตัวแปร ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลภายในคลาสนั้นๆ และเมธอด (methods) เป็นฟังก์ชันการทำงานหรือจัดการข้อมูลในคลาสนั้น เมธอดนั้นคล้ายกับฟังก์ชัน แต่ในบริบทของการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุแล้วเราจะเรียกว่าเมธอดแทน เพราะว่ามันถูกประกาศอยู่ภายในคลาส นี่เป็นรูปแบบของการสร้างคลาสในภาษา Python

class ClassName:
    # statements

เราจะใช้คำสั่ง class สำหรับสร้างคลาสในภาษา Python และตามด้วยชื่อของคลาส ClassName ชื่อของคลาสควรจะขึ้นต้นด้วยตัวใหญ่และเป็นรูปแบบ camel case หลังจากนั้นเป็นคำสั่งในการกำหนดตัวแปรและเมธอดของคลาส ต่อไปมาดูตัวอย่างการสร้างคลาสในภาษา Python

class Book:

    def __init__(self, name, price):
        self.name = name
        self.price = price

    def getDetail(self):
        print('Name: %s' % self.name)
        print('Price: %d USD' % self.price)

ในตัวอย่าง เราได้สร้างคลาส Book และภายในมีเมธอด __init__() ซึ่งเป็นคอนสตรัคเตอร์ (Constructor) ซึ่งจะถูกเรียกอัตโนมัติเมื่อออบเจ็คถูกสร้างสำเร็จ พารามิเตอร์แรกของเมธอดจะเป็น self เสมอ นี่จะใช้เป็นตัวแปรในการอ้างถึงออบเจ็คปัจจุบัน คลาสนี้จะมีสองแอตทริบิวต์คือ name และ price ใช้สำหรับเก็บชื่อและราคาของหนังสือของแต่ละออบเจ็ค หลังจากที่เราได้สร้างคลาสเสร็จแล้ว ต่อไปเราจะนำมาสร้างออบเจ็ค

b1 = Book('Python language', 59)
b2 = Book('C++ language', 69)

b1.getDetail()
b2.getDetail()

b1.price = 99

b1.getDetail()

ในตัวอย่าง เราได้สร้างตัวแปรออบเจ็คจากคลาส Book สองตัวแปร คือ b1 และ b2 สำหรับพารามิเตอร์แรกในคอนสตรัคเตอร์นั้นเราได้ละเว้นไป เพราะ Python จะใส่เป็นออบเจ็คปัจจุบันให้อัตโนมัติ ดังนั้นพารามิเตอร์ที่เราจะต้องใส่คือชื่อและราคาของหนังสือ

หลังจากที่ออบเจ็คถูกสร้างแล้ว ทั้ง b1 และ b2 จะมีแอตทริบิวต์ name price และเมธอด getDetail() เป็นของตัวเองที่ไม่เกี่ยวข้องกัน ในการเข้าถึงสมาชิกภายในออบเจ็คจะใช้เครื่องหมายจุด (.) ดังนั้นเมื่อเราเรียก b1.getDetail() จะเป็นการแสดงรายละเอียดข้อมูลในออบเจ็ค b1 ซึ่ง b2 ก็เช่นเดียวกัน และต่อมาเราได้เปลี่ยนค่า price ของออบเจ็ค b1 ให้มีค่าเป็น 99 และแสดงรายละเอียดอีกครั้ง และนี่เป็นผลลัพธ์การทำงานของโปรแกรม

Name: Python language
Price: 59 USD
Name: C++ language
Price: 69 USD
Name: Python language
Price: 99 USD

ในตอนนี้ คุณได้เห็นแล้วว่าคลาสหนึ่งคลาสสามารถนำไปสร้างเป็นออบเจ็คกี่อันก็ได้ ซึ่งนี่เองถือว่าเป็นแนวคิดที่สำคัญของการเขียนโปรแกรมเชิงวัตุในการนำโค้ดกลับมาใช้ซ้ำ

หลังจากที่คุณได้เห็นการประกาศคลาสและสร้างออบเจ็คในเบื้องต้นแล้ว ต่อไปมาดูตัวอย่างเพิ่มเติมสำหรับการทำงานกับคลาสในภาษา Python

class Person:

    def __init__(self, firstName, lastName):
        self.firstName = firstName
        self.lastName = lastName

    def getName(self):
        return self.firstName + ' ' + self.lastName

p = Person('Chase', 'Rice')
p.career = 'Singer'
p.country = 'USA'

print('Name: ' + p.getName())
print('Career: ' + p.career)
print('Country: ' + p.country)

p2 = Person('Max', 'Graham')
p2.genres = ['Electronica', 'trance', 'tech house', 'techno']

print('Name: ' + p2.getName())
print('Genres: ', p2.genres)

ในตัวอย่าง เราได้สร้างคลาส Person ที่ประกอบไปด้วยแอตทริบิวต์ firstName และ lastName และเมธอด getName() สำหรับรับชื่อกับนามสกุลพร้อมกัน และเราได้กำหนดค่าให้กับแอตทริบิวต์ career และ country ในภายหลัง ซึ่งโดยปกติแล้วในการกำหนดแอตทริบิวต์เริ่มต้นควรจะทำในเมธอด __init__() ดังนั้น นี่จะทำให้คุณเห็นว่าในภาษา Python เราสามารถสร้างแอตทริบิวต์ใดๆ ในขณะที่โปรแกรมทำงานได้

Name: Chase Rice
Career: Singer
Country: USA
Name: Max Graham

นี่เป็นผลลัพธ์การทำงานของโปรแกรม คุณได้เห็นแล้วว่าการเขียนโปรแกรมในภาษา Python นั้นค่อนข้างยืดหยุ่น คุณไม่จำเป็นต้องประกาศแอตทริบิวต์ทั้งหมดไว้ในตอนแรกก็ได้ คุณอาจจะเพิ่มเข้ามาในภายหลังเฉพาะออบเจ็คที่ต้องการได้ เหมือนในออบเจ็ค p2 ไม่ได้ต้องการมีแอตทริบิวต์เหมือนกับออบเจ็ค p แต่ทั้งสองยังมีแอตทริบิวต์บางอย่างที่เหมือนกัน

Constructor และ Destructor
ต่อมาเราจะพูดเกี่ยวกับการใช้งาน Constructor และ Destructor ในภาษา Python นั้นมีเมธอดพิเศษ (Special methods) ที่สร้างให้อัตโนมัติเมื่อคุณสร้างคลาสขึ้นมา เพื่อใช้งานเราจะต้อง override เมธอดเหล่านั้น เมธอดแรกคือ __init__() ซึ่งเมธอดนี้จะทำงานเมื่อออบเจ็คถูกสร้างสำเร็จ หรือเรียกว่า Constructor มันมักจะใช้ในการกำหนดแอตทริบิวต์และค่าเริ่มต้นให้กับออบเจ็ค ต่อมาคือเมธอด __del__() ซึ่งเมธอดนี้จะทำงานเมื่อออบเจ็คถูกทำลาย หรือเรียกว่า Destructor มาดูตัวอย่างการใช้งาน

class Person:

    def __init__(self, firstName, lastName):
        self.firstName = firstName
        self.lastName = lastName
        print('Object was created')

    def getName(self):
        return self.firstName + ' ' + self.lastName

    def __del__(self):
        print('Object was destroyed')

p = Person('Chase', 'Rice')
print(p.getName())
del p

ในตัวอย่าง เราได้ทำการ override เมธอด __init__() มันถูกเรียกอัตโนมัติเมื่อเราสร้างออบเจ็คสำเร็จ จากคำสั่ง Person('Chase', 'Rice') หลังจากนั้นเราได้ทำการ override เมธอด __del__() ซึ่งเมธอดนี้จะถูกเรียกใช้งานก่อนที่ออบเจ็คจะถูกทำลาย ในโค้ดเราได้ทำลายออบเจ็คด้วยคำสั่ง del p ซึ่งจะทำให้ออบเจ็คถูกลบออกไปจากหน่วยความจำ

Object was created
Chase Rice
Object was destroyed

นี่เป็นผลลัพธ์การทำงานของโปรแกรม เมื่อสร้างออบเจ็คสำเร็จเราได้แสดงข้อความในเมธอด __init__() ว่าสร้างออบเจ็คสำเร็จแล้ว และเมื่อเราลบออบเจ็คโปรแกรมแสดงข้อความในเมธอด __del__() ว่าออบเจ็คถูกทำลายไปแล้ว ซึ่งการทำงานเหล่านี้จะเกิดขึ้นอัตโนมัติ แน่นอนว่าในภาษา Python เรามักจะใช้คอนสตรัคเตอร์เสมอ แต่ว่า Destructor มักจะไม่ได้ใช้บ่อยนัก อย่างไรก็ตามยังมีเมธอดพิเศษอื่นๆ อีกที่เรายังไม่ได้พูดถึงในบทนี้

Static variables และ Static methods
สำหรับเรื่องสุดท้ายที่คุณจะได้เรียนในบทนี้ คือการใช้งาน static variable และ static method โดย static variable หรือคลาสแอตทริบิวต์ คือตัวแปรที่ประกาศภายในคลาสซึ่งตัวแปรนี้จะแชร์กับออบเจ็คทุกอันที่สร้างจากคลาสนี้ ส่วน static method เป็นเมธอดที่สร้างไว้ในคลาสแต่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวกับข้องกับการจัดการออบเจ็ค มาดูตัวอย่างการใช้งาน

class Box:

    # shared variable for all object create by this class
    color = 'green'

    # class method for object
    def __init__(self, width, height, dept):
        self.width = width
        self.height = height
        self.dept = dept

     # class method for object
    def getVolume(self):
        return self.width * self.height * self.dept

    @staticmethod
    def compare(a, b):
        if a.getVolume() > b.getVolume():
            return 'greater than'
        elif a.getVolume() == b.getVolume():
            return 'equal'
        else:
            return 'less than'

a = Box(2, 3, 4)
b = Box(1, 2, 5)

Box.color = 'red'

print('Box a volume = %d' % a.getVolume())
print('Box b volume = %d' % b.getVolume())

print('Box a color = %s' % a.color)
print('Box b color = %s' % b.color)

print('Box a volume a is %s box b' % Box.compare(a, b))

ในตัวอย่าง เราได้ประกาศคลาส Box โดยคลาสนี้มีตัวแปรของคลาส คือ color นั่นหมายความว่าตัวแปรนี้จะถูกใช้งานร่วมกันกับทุกออบเจ็คที่สร้างจากคลาสนี้ ต่อมาภายในเมธอด __init__() เป็นการกำหนดข้อมูลให้กับออบเจ็คแต่ละอันที่จะมีความกว้าง ความยาว และความสูง และเมธอด getVolume() สำหรับรับปริมาตรของกล่อง

ภายในคลาส Box เราได้สร้าง static method compare() โดยใช้ decorator @staticmethod นำหน้าก่อนหนึ่งบรรทัด เมธอดนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อมูลภายในคลาส สังเกตว่ามันไม่มีพารามิเตอร์ self ถูกส่งเข้ามา สำหรับการเรียกใช้งาน static variables หรือ static method นั้นจะไม่ขึ้นกับออบเจ็ค นั่นหมายความว่าเราจะใช้ชื่อของคลาสแทน ในคำสั่ง Box.color = 'red' เป็นการกำหนดสีให้กับกล่องทุกกล่องเป็นสีแดง และคำสั่ง Box.compare(a, b) เป็นการเปรียบเทียบปริมาตรของกล่องทางซ้ายว่ามากกว่าทางขวาหรือไม่

Box a volume = 24
Box b volume = 10
Box a color = red
Box b color = red
Box a volume a is greater than box b

นี่เป็นผลลัพธ์การทำงานของโปรแกรม จะเห็นว่าเราได้ทำการเปลี่ยนค่าสีของกล่องเป็นสีแดงในคำสั่งเดียว แต่มันถูกนำไปใช้กับทุกกล่อง และเมธอดสำหรับเปรียบเทียบปริมาตรของกล่องมันสามารถใช้ได้โดยไม่ขึ้นกับออบเจ็คใดๆ นั่นหมายความว่า static method อาจจะเป็นเมธอดที่ทำงานเกี่ยวกับออบเจ็คที่สร้างจากคลาสนี้ แต่ไม่ได้เป็นเมธอดสำหรับจัดการข้อมูลในคลาสโดยตรง

ในบทนี้ คุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับคลาสและออบเจ็คในภาษา Python ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณควรจะทำความเข้าใจเพื่อที่จะใช้ประโยชน์จาก OOP ซึ่งมันช่วยให้การเขียนโปรแกรมมีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น นอกจากนี้เรายังพูดเกี่ยวกับเมธอดพิเศษ Constructor และ Destructor และสมาชิกที่เป็น static ของคลาส สำหรับเนื้อหาของ OOP ยังไม่จบเพียงเท่านี้ มันยังมีการสืบทอด (Inheritance) ซึ่งคุณจะได้เรียนในบทต่อไป

5.3 การนําเข้า Tkinter
import tkinter 
import os 
from tkinter import *
  
# To get the space above for message
from tkinter.messagebox import *
  
# To get the dialog box to open when required
from tkinter.filedialog import *
5.4 code โปรแกรมที่เกี่ยวข้อง
import tkinter 
import os     
from tkinter import *
from tkinter.messagebox import *
from tkinter.filedialog import *
  
class Notepad: 
  
    __root = Tk() 
  
    # default window width and height 
    __thisWidth = 300
    __thisHeight = 300
    __thisTextArea = Text(__root) 
    __thisMenuBar = Menu(__root) 
    __thisFileMenu = Menu(__thisMenuBar, tearoff=0) 
    __thisEditMenu = Menu(__thisMenuBar, tearoff=0) 
    __thisHelpMenu = Menu(__thisMenuBar, tearoff=0) 
      
    # To add scrollbar 
    __thisScrollBar = Scrollbar(__thisTextArea)      
    __file = None
  
    def __init__(self,**kwargs): 
  
        # Set icon 
        try: 
                self.__root.wm_iconbitmap("Notepad.ico")  
        except: 
                pass
  
        # Set window size (the default is 300x300) 
  
        try: 
            self.__thisWidth = kwargs['width'] 
        except KeyError: 
            pass
  
        try: 
            self.__thisHeight = kwargs['height'] 
        except KeyError: 
            pass
  
        # Set the window text 
        self.__root.title("Untitled - Notepad") 
  
        # Center the window 
        screenWidth = self.__root.winfo_screenwidth() 
        screenHeight = self.__root.winfo_screenheight() 
      
        # For left-alling 
        left = (screenWidth / 2) - (self.__thisWidth / 2)  
          
        # For right-allign 
        top = (screenHeight / 2) - (self.__thisHeight /2)  
          
        # For top and bottom 
        self.__root.geometry('%dx%d+%d+%d' % (self.__thisWidth, 
                                              self.__thisHeight, 
                                              left, top))  
  
        # To make the textarea auto resizable 
        self.__root.grid_rowconfigure(0, weight=1) 
        self.__root.grid_columnconfigure(0, weight=1) 
  
        # Add controls (widget) 
        self.__thisTextArea.grid(sticky = N + E + S + W) 
          
        # To open new file 
        self.__thisFileMenu.add_command(label="New", 
                                        command=self.__newFile)     
          
        # To open a already existing file 
        self.__thisFileMenu.add_command(label="Open", 
                                        command=self.__openFile) 
          
        # To save current file 
        self.__thisFileMenu.add_command(label="Save", 
                                        command=self.__saveFile)     
  
        # To create a line in the dialog         
        self.__thisFileMenu.add_separator()                                          
        self.__thisFileMenu.add_command(label="Exit", 
                                        command=self.__quitApplication) 
        self.__thisMenuBar.add_cascade(label="File", 
                                       menu=self.__thisFileMenu)      
          
        # To give a feature of cut  
        self.__thisEditMenu.add_command(label="Cut", 
                                        command=self.__cut)              
      
        # to give a feature of copy     
        self.__thisEditMenu.add_command(label="Copy", 
                                        command=self.__copy)          
          
        # To give a feature of paste 
        self.__thisEditMenu.add_command(label="Paste", 
                                        command=self.__paste)          
          
        # To give a feature of editing 
        self.__thisMenuBar.add_cascade(label="Edit", 
                                       menu=self.__thisEditMenu)      
          
        # To create a feature of description of the notepad 
        self.__thisHelpMenu.add_command(label="About Notepad", 
                                        command=self.__showAbout)  
        self.__thisMenuBar.add_cascade(label="Help", 
                                       menu=self.__thisHelpMenu) 
  
        self.__root.config(menu=self.__thisMenuBar) 
  
        self.__thisScrollBar.pack(side=RIGHT,fill=Y)                     
          
        # Scrollbar will adjust automatically according to the content         
        self.__thisScrollBar.config(command=self.__thisTextArea.yview)      
        self.__thisTextArea.config(yscrollcommand=self.__thisScrollBar.set) 
         
    def __quitApplication(self): 
        self.__root.destroy() 
        # exit() 
  
    def __showAbout(self): 
        showinfo("Notepad","Mrinal Verma") 
  
    def __openFile(self): 
          
        self.__file = askopenfilename(defaultextension=".txt", 
                                      filetypes=[("All Files","*.*"), 
                                        ("Text Documents","*.txt")]) 
  
        if self.__file == "": 
              
            # no file to open 
            self.__file = None
        else: 
              
            # Try to open the file 
            # set the window title 
            self.__root.title(os.path.basename(self.__file) + " - Notepad") 
            self.__thisTextArea.delete(1.0,END) 
  
            file = open(self.__file,"r") 
  
            self.__thisTextArea.insert(1.0,file.read()) 
  
            file.close() 
  
    def __newFile(self): 
        self.__root.title("Untitled - Notepad") 
        self.__file = None
        self.__thisTextArea.delete(1.0,END) 
  
    def __saveFile(self): 
  
        if self.__file == None: 
            # Save as new file 
            self.__file = asksaveasfilename(initialfile='Untitled.txt', 
                                            defaultextension=".txt", 
                                            filetypes=[("All Files","*.*"), 
                                                ("Text Documents","*.txt")]) 
  
            if self.__file == "": 
                self.__file = None
            else: 
                  
                # Try to save the file 
                file = open(self.__file,"w") 
                file.write(self.__thisTextArea.get(1.0,END)) 
                file.close() 
                  
                # Change the window title 
                self.__root.title(os.path.basename(self.__file) + " - Notepad") 
                  
        else: 
            file = open(self.__file,"w") 
            file.write(self.__thisTextArea.get(1.0,END)) 
            file.close() 
  
    def __cut(self): 
        self.__thisTextArea.event_generate("<<Cut>>") 
  
    def __copy(self): 
        self.__thisTextArea.event_generate("<<Copy>>") 
  
    def __paste(self): 
        self.__thisTextArea.event_generate("<<Paste>>") 
  
    def run(self): 
  
        # Run main application 
        self.__root.mainloop() 

# Run main application 
notepad = Notepad(width=600,height=400) 
notepad.run() 

6. ผลการดำเนินงาน

6.1 หน้าตาโปรแกรม

6.2 สามารถเก็บบันทึกข้อมูลได้

6.3 สามารถ ก๊อปปี้และวางด้วยการกดปุมเดียว

7. สรุปผลและข้อเสนอแนะ

โปรแกรมมีความสมบูรณ์ไปตามที่ต้องการโดยไม่มีปัญหาและสามารถใช้งานได้ตามที่ต้องการและสามารถที่จะนำไปต่อยอดได้

8. อ้างอิง

Make Notepad using Tkinter – GeeksforGeeks

(335) ขั้นตอนที่ 1 สำรวจความต้องการของระบบ ของ Python Note pad – YouTube

บทความที่เกี่ยวข้องกัน

Share

You may also like...

Leave a Reply